เมืองทองเนื้อเก้า มะพร้าวสับปะรด สวยสด หาด เขา ถ้ำ งามล้ำน้ำใจ จังหวัดที่มีรูปร่างยาวเรียวนี้เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยว โดยเฉพาะทะเล ประจวบคีรีขันธ์ได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ตากอากาศมาตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จวบจนถึงทุกวันนี้ ชายทะเลหลายแห่งในประจวบคีรีขันธ์ก็ยังเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวไม่เสื่อมคลาย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์มีเนื้อที่ 6,367,620 ตารางกิโลเมตร ลักษณะพื้นที่แคบยาวเป็นคาบสมุทรลงไปทางภาคใต้ โดยมีแผ่นดินส่วนที่แคบที่สุดจากชายแดนไทยไปจนถึงสหภาพพม่า ระยะทาง 11 กิโลเมตร อยู่ที่บริเวณด่านสิงขร ตำบลคลองวาฬ อำเภอเมืองฯ และมีความยาวจากเหนือจดใต้ถึง 212 กิโลเมตรเลยทีเดียว ความเป็นมาของประจวบคีรีขันธ์เท่าที่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ พบว่าพื้นที่นี้เคยเป็นที่ตั้งของเมืองนารัง ในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี จนกระทั่งกรุงแตกในครั้งที่ 2 เมืองนารังจึงกลายเป็นเมืองร้างครั้นถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ของราชวงศ์จักรี พระองค์ทรงตั้งเมืองขึ้นใหม่ที่ปากคลองอีรม และพระราชทานนามว่าเมืองบางนางรม จนกระทั่งถึงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงรวมเมืองบางนางรม เมืองกุย และเมืองคลองวาฬเข้าไว้ด้วยกัน พระราชทานนามว่าเมืองประจวบคีรีขันธ์ แปลว่าเมืองที่มีภูเขาเป็นหมู่ๆ เพื่อให้คล้องกับชื่อของเกาะกง คือ “เมืองประจันตคีรีเขต” โดยมีที่ว่าการเมืองอยู่ที่เมืองกุย กระทั่งถึงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงจัดการปกครองแบบมณฑลเทศาภิบาล เมืองประจวบคีรีขันธ์ถูกรวมเป็นส่วนหนึ่งของเมืองเพชรบุรี โดยมีฐานะเป็นอำเภอ และใน พ.ศ. 2441 ก็มีการย้ายที่ว่าการเมืองไปอยู่ที่เกาะหลัก หรืออ่าวประจวบ ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองประจวบคีรีขันธ์ในปัจจุบัน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 8 อำเภอ คือ อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ อำเภอหัวหิน อำเภอปราณบุรี อำเภอกุยบุรี อำเภอทับสะแก อำเภอบางสะพาน อำเภอบางสะพานน้อย และอำเภอสามร้อยยอด |
วันศุกร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
ประจวบคิรีขันธ์
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น