วันศุกร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

อุดรธานี


น้ำตกจากสันภูพาน อุทยานแห่งธรรมะ อารยธรรมห้าพันปี ธานีผ้าหมี่ขิด แดนเนรมิตหนองประจักษ์ เลิศลักษณ์กล้วยไม้หอมอุดรชันไฌน์
จังหวัดอุดรธานีเป็นจังหวัดใหญ่ที่เป็นศูนย์กลางการคมนาคมและการท่องเที่ยวของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยในปัจจุบัน มีความสำคัญอย่างยิ่งในทางประวัติศาสตร์ เนื่องจากเป็นที่ตั้งของแหล่งอารยธรรมบ้านเชียง ซึ่งเป็นร่องรอยของอารยธรรมมนุษย์ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

นอกจากนี้ อุดรธานียังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติหลายแห่ง มีการทำหัตถกรรมที่น่าสนใจต่างๆ เช่น ผ้าขิด ชุมชนพื้นบ้านมีวิถีชีวิตที่เรียบง่ายมีเสน่ห์ตามแบบฉบับชุมชนไทยอีสาน ในเมืองและตามสถานที่ต่างๆ มีโรงแรมที่พักมากมาย และการคมนาคมสะดวกสบาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีสนามบิน อุดรธานีจึงเป็นอีกเมืองหนึ่งที่นักเดินทางไม่ควรพลาดมาเยี่ยมเยือน
จังหวัดอุดรธานีมีเนื้อที่ประมาณ 11,730 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 7.33 ล้านไร่ เป็นจังหวัดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 11 ของประเทศ ลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นที่ราบสูง ประกอบด้วยทุ่งนา ป่าไม้ และภูเขา พื้นที่เอียงลาดลงสู่แม่น้ำโขงทางจังหวัดหนองคาย ทางทิศตะวันตกมีภูเขาและป่าติดต่อกันเป็นแนวยาว มีทิวเขาสำคัญคือทิวเขาภูพาน ทอดเป็นแนวยาวตั้งแต่ตอนเหนือสุดจนถึงทางใต้สุด

จังหวัดอุดรธานีมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน จากหลักฐานทางโบราณคดีที่ค้นพบแสดงให้เห็นว่าบริเวณที่เป็นจังหวัดอุดรธานีในปัจจุบันนี้ เคยมีชุมชนมนุษย์อยู่อาศัยมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ หรือราว 5,000-7,000 ปีมาแล้ว เป็นชุมชนโบราณที่มีอารยธรรมความเจริญในระดับสูง สันนิษฐานว่าเครื่องปั้นดินเผาสีลายเส้นที่พบที่บ้านเชียงนั้น อาจเป็นเครื่องปั้นดินเผาสีลายเส้นที่เก่าแก่ที่สุดของโลก

บริเวณนี้มีชุมชนอาศัยอยู่ต่อมา แต่เป็นเพียงชุมชนเล็กๆ ที่ไม่มีบทบาทในทางประวัติศาสตร์แต่อย่างใด จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2428 สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคมและเจ้าหมื่นไวยวรนาถ ยกทัพไปปราบปรามพวกฮ่อในมณฑลลาวพวนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง ที่รวมตัวกันก่อการร้าย กรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคม แม่ทัพใหญ่ฝ่ายใต้ ได้นำทัพผ่านมายังบริเวณซึ่งเป็นที่ตั้งของจังหวัดอุดรธานีปัจจุบันนี้ และไปทำการปราบปรามพวกฮ่อจนสงบ ซึ่งในขณะนั้นชุมชนเดิมของอุดรธานียังเป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆ ชื่อ “บ้านหมากแข้ง” หรือ “บ้านเดื่อหมากแข้ง” อยู่ภายใต้การปกครองของเมืองหนองคายซึ่งขึ้นอยู่กับมณฑลลาวพวน

ต่อมาเกิดกรณีพิพาท ร.ศ. 112 (พ.ศ. 2436) ระหว่างไทยกับฝรั่งเศส และไทยเสียดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงให้แก่ฝรั่งเศส ตามสนธิสัญญามีเงื่อนไขห้ามประเทศสยามตั้งกองทหารและป้อมปราการในรัศมี 25 กิโลเมตรจากฝั่งแม่น้ำโขง กองกำลังทหารไทยที่ตั้งประจำอยู่ที่เมืองหนองคาย ซึ่งมีกรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคมเป็นข้าหลวงใหญ่สำเร็จราชการ จึงต้องเคลื่อนย้ายถอยร่นมาจนถึงบ้านเดื่อหมากแข้ง แล้วกรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคมก็ตั้งศูนย์มณฑลลาวพวนและกองทหารขึ้นใหม่ ณ หมู่บ้านแห่งนี้

ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้ง “มณฑลอุดร” ขึ้นที่บ้านหมากแข้ง จนกระทั่งได้มีการปรับปรุงระเบียบการบริหารราชการแผ่นดิน ยกเลิกการปกครองในระบบมณฑลเทศาภิบาล มณฑลอุดรจึงถูกยุบเลิกไป และเปลี่ยนเป็น “จังหวัดอุดรธานี" นับแต่นั้นมา

ปัจจุบันจังหวัดอุดรธานีแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 18 อำเภอ 2 กิ่งอำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองอุดรธานี อำเภอหนองวัวซอ อำเภอหนองหาน อำเภอบ้านผือ อำเภอบ้านดุง อำเภอกุมภวาปี อำเภอโนนสะอาด อำเภอเพ็ญ อำเภอน้ำโสม อำเภอกุดจับ อำเภอศรีธาตุ อำเภอวังสามหมอ อำเภอทุ่งฝน อำเภอสร้างคอม อำเภอไชยวาน อำเภอหนองแสง อำเภอนายูง อำเภอพิบูลย์รักษ์ กิ่งอำเภอกู่แก้ว และกิ่งอำเภอประจักษ์ศิลปาคม


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น